บูเช็คเทียน 2
คนที่หลงใหลในอำนาจ ย่อมมิปรารถนาจะสูญเสียอำนาจ กระทำได้ทุกวิถีทางเพื่อครอบครองอำนาจให้อยู่ในอุ้มมือยาวนานที่สุด โดยพฤติกรรมนี้มีอยู่ทั้งในบุรุษและสตรี แต่นี่คือบทเรียนที่เราได้เรียนรู้จากเธอ สตรีที่ชื่อว่า “บูเช็คเทียน”
ในช่วงแรกๆ บูเช็คเทียนค่อยๆ ดำเนินการตามเป้าหมายอย่างนิ่มนวล รวบอำนาจฝ่ายในไว้ในมือ โดยแผนการของนางนั้นเรียกได้ว่าต้องลงทุนมหาศาลและต้องใช้ความเหี้ยมโหดจนใครก็นึกไม่ถึง ...นั่นคือ นางลงทุนบีบคอธิดาน้อยองค์เดียวของตนเองจนตายคามือและป้ายความผิดให้กับฮองเฮา ! มันเป็นหมากที่บูเช็คเทียนมองไว้ทะลุปรุโปร่ง เกาจงฮ่องเต้เชื่อสนิททรงพิโรธโกรธเกรี้ยวและทรงสั่งถอดถอนพระนางออกจากตำแหน่งทันทีก่อนจะนำไปคุมขังไว้ในตำหนักเย็นเป็นเสมือนคุกดีๆนี่เอง
บูเช็คเทียนคิดว่าคงจะได้พบทางสว่างที่จะได้ขึ้นตำแหน่งใหญ่แทนฮองเฮา แต่ก็ยังได้รับการคัดค้านจากขุนนางผู้ใหญ่ นางจึงแค้นใจอย่างมาก แผนการค่อยๆ กระเถิบก้าวไปข้างหน้าด้วยตัวเอง เริ่มด้วยการคบหาบัณฑิตจอหงวนรุ่นใหม่เสมอๆ ทำให้นางรอบรู้กว้างขวาง มีสายตากว้างไกล ทำให้เป็นเป็นผู้หญิงที่ฉลาด ความพยายามของนางในการขึ้นสู่ตำแหน่งสูงจึงสัมฤทธิ์ผล เมื่อเสนาบดีฝ่ายกลาโหมให้ความสนับสนุนทำให้พระเจ้าถังเกาจง สามารถแต่งตั้งนางขึ้นเป็นฮองเฮา โดยไม่หวั่นไหวต่อคำทัดทานของเสนาบดีคนใดอีก
นางก้าวขึ้นมาถึงจุดสุดยอดของอำนาจฝ่ายในอย่างที่นางต้องการได้สำเร็จ แต่ว่าเส้นทางสู่อำนาจวาสนาของนางมิใช่จะสิ้นลงตรงนี้ หากทอดยาวไปถึงบัลลังก์ฮ่องเต้เลยทีเดียว (เป็นธรรมดาเมื่อคนเราได้สิ่งที่พึงมีก็หวังในสิ่งที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆมิรู้จบ สำหรับคนที่ไม่รู้จักเพียงพอ) พระเจ้าถังเกาจงฮ่องเต้พระสวามี แม้จะอยู่ในวัยหนุ่มแน่น แต่ทรงอ่อนแอประชวรจนพระวรกายซูบซีดลงเป็นลำดับ ไม่ช้าก็ทรงเห็นราชการเป็นงานหนัก เมื่อพระองค์ทรงท้อแท้ พระนางบูเช็คเทียนจึงเข้ามากำกับราชการถวายอยู่หลังพระวิสูตร (ม่าน)
ในขณะที่ประทับบัลลังก์มังกรว่าราชการในท้องพระโรง นางมีความรู้เรื่องในการปกครองที่ไม่เหมือนกับผู้ชายคิดกัน อาทิ นางมีความเห็นว่าน่าจะกระทำการคัดเลือกข้าราชการด้วยการสอบ แทนที่จะใช้ “เส้น” ฮ่องเต้ก็ทรงเห็นด้วย ทำให้ฐานอำนาจของบูเช็คเทียนซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถสอบผ่านเข้ามาเป็นขุนนางได้ ทวีขึ้นอย่างรวดเร็ว นางวางหมากไว้อย่างเป็นระบบ และนางก็กลายเป็นผู้มีอำนาจสามารถสั่งงานแทนฮ่องเต้หมดทุกเรื่อง ด้วยเหตุผลนี่ฮ่องเต้ทรงเกรงในความเด็ดขาดของนางที่สามารถว่าราชการแทนพระองค์และประสบความสำเร็จทุกครั้ง (ทุกอย่างมีสองด้าน)
เวลาต่อมาไม่ว่าบูเช็คเทียนจะสั่งอะไร ก็ไม่มีใครกล้าไปขัดขวาง ไม่อย่างนั้นจะมีชีวิตอยู่ในโลกได้ไม่นาน ขุนนางที่กระด้างกระเดื่องล้มตายลงไปมาก เพราะคำสั่งของพระนางไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม หนึ่งในจำนวนคนที่ต้องตายเพราะขวางหูขวางตาฮองเฮานี้ยังรวมไปถึงพี่น้องของนางเองด้วย สาเหตุเพราะพี่สาวของนางบังอาจเข้ามาเป็นสนมอีกคนหนึ่งของฮ่องเต้ ซึ่งบูเช็คเทียนถือว่าเป็นการทรยศอย่างที่ให้อภัยไม่ได้ พี่สาวผู้นั้นมีความสุขกับฮ่องเต้ได้ไม่นาน ก็ต้องตายกะทันหันด้วยสาเหตุอาหารเป็นพิษ ทั้งฮ่องเต้และทุกคนในวังรู้ดีว่าเป็นฝีมือของพระนาง แต่ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรได้ ยิ่งไปกว่านั้นพระนางยังมีอำนาจในมืออย่างเต็มที่ พระนางเริ่มกำจัดขุนนางตงฉินหลายคน ทรงวางยาเจ้าชายรัชทายาทอีกด้วย
บ้านเมืองเริ่มไม่สงบสุข ที่สุดพระเจ้าถังเกาจงฮ่องเต้ก็สิ้นพระชนม์ ราชโอรสของพระเจ้าถังเกาจงผู้เป็นไทจือขึ้นครองราชบัลลังก์มังกรต่อทรงพระนามว่า “พระเจ้าถังจงจงฮ่องเต้” บูเช็คเทียนเปลี่ยนฐานะจากมเหสี-ฮองเฮา เป็นพระราชชนนีฮองไทเฮา แต่ก็ทรงอำนาจเหมือนเดิม ไม่ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่จะทำอะไร เป็นต้องได้รับความเห็นชอบ จากฮองไทเฮาก่อนเสมอ
หนทางอำนาจนั้นย่อมโรยด้วยขวากหนามเป็นธรรมดา พระนางต้องผจญกับการต่อต้านจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมากมาย แต่พระนางก็ปราบได้ด้วยความเข้มแข็ง ต่อมาพระนางก็ได้ลงมือโค่นอำนาจฮ่องเต้ซึ่งเป็นโอรสของพระนางเอง แล้วสถาปนาขึ้นเป็นฮ่องเต้สตรีคนแรก (องค์เดียว) ของจีน เปลี่ยนราชวงศ์ใหม่เป็นราชวงศ์โจว ปีนั้นพระนางอายุถึง 64 ชันษาแล้ว
บุคลิกที่ขัดแย้งของพระนางบูเช็คเทียนนอกจากความเหี้ยมมหาญไม่แพ้ชายแล้ว อีกด้านหนึ่งนางกลับเป็นคน ที่มีความละเอียดอ่อนละเมียดละไมมากพอที่จะเขียนกลอนได้อย่างไพเราะ พระนางแต่งกวีได้หลายบท ตั้งแต่สถาปนาตัวเองเป็นฮ่องเต้ มีทั้งบทความรัฐศาสตร์ปรัชญาโอวาท พระนางยังเป็นคนที่คิดวิธีเร่งดอกไม้บานได้ มีเรื่องเล่าว่าพระนางดำรัสสั่ง ให้นางกำนัลออกไปบังคับดอกไม้ให้บาน วันรุ่งขึ้นดอกไม้ก็บาน ด้วยวิธีที่ง่ายนิดเดียวคือ ต้มน้ำร้อนให้เดือด แล้วนำไปตั้งไว้ในราชอุทยานทุกหนทุกแห่งไอน้ำเป็นตัวช่วยเร่งให้ดอกไม้แย้มกลีบบานได้ทุกดอก ถือเป็นความเฉลียวฉลาดของพระนางที่ยากจะหาใครมาเทียบรัศมีได้
เรื่องราวของฮ่องเต้สตรีคนนี้ตื่นเต้นกว่านิยายเสียอีก นอกเหนือจากความเหี้ยมโหดผิดผู้หญิงของพระนางแล้ว ต้องถือว่าพระนางสมควรจะได้รับการยกย่อง ว่าเป็นหญิง ที่สามารถที่บริหารบ้านเมืองได้ในทุกๆ ทางไม่เว้นแม้แต่ด้านศึกสงคราม ในบั้นปลายชีวิตของพระนางบูเช็คเทียนทรงพระชันษายืนยาวถึง 80 ปี แต่ก็ยังไม่ยอมมอบอำนาจให้ใคร จนโอรสองค์ที่เคยเป็นฮ่องเต้ถังจงจงต้องกราบทูลขอบัลลังก์คืนโดยมีเสนาบดีสนับสนุน บูเช็คเทียนจึงทรงคืนบัลลังก์ให้ แล้วเสด็จไปประทับนอกเมืองก่อนจะสิ้นพระชนม์ลงด้วยโรคชราเมื่อพระชนม์มายุ 81 ปี…ในโลกของเรามีเรื่องจริงให้เรียนรู้มากมาย ทั้งจากชายและจากหญิง แต่การบันทึกไว้มักเต็มไปด้วยบทบาทของบุรุษ ในบล็อก C2her นี้จะเป็นอีกแหล่งหนึ่งที่รวบรวาเรื่องราวดีจากสตรีเพศมานำเสนอ โปรดติดตามเป็นระยะๆครับ...
จากบทบาทของพระนางต่อแผ่นดินจีน ได้ถูกนำมาเสนอเป็นภาพยนตร์อยู่เสมอๆ
http://astore.amazon.com/konkhangwat-20
http://astore.amazon.com/konkhangwat-20





