พระนางเนเฟอร์ติตี
ใบหน้าที่กระชับเต่งตึง ไม่หย่อนคล้อย แถมคางยังคม คอระหง คือสุดยอดปรารถนาของผู้หญิง คนที่รักสวยรักงาม เป็นที่มาของการคิดค้นเทคนิคใหม่ในการฉีด โบท็อกซ์ ที่ชื่อว่า “เนเฟอร์ติติ ลิฟท์” ตามอย่างพระนางเนเฟอร์ติติ แห่งอียิปต์ คนเราเมื่ออายุมากขึ้น ประกอบกับแรงโน้มถ่วงของโลก จึงทำให้ประสบกับปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย คางยาน การฉีดโบท็อกซ์แบบใหม่ “เนเฟอร์ติติ ลิฟท์” เพื่อช่วยให้ผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณคาง ใต้คาง และเหนียงคอกระชับขึ้น โดยไม่ต้องทำศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า
พระนาง “เนเฟอร์ติติ” ราชินี ผู้เลอโฉมแห่งอาณาจักรอียิปต์โบราณ ซึ่งเป็นที่เลื่องลือถึงความงามของใบหน้าที่ได้สัดส่วน จนมีคนยกย่องให้ พระนางเนเฟอร์ติติเป็นหญิงที่มีโครงหน้าสวยสมบูรณ์แบบและยังมีลำคอยาวระหงอีกด้วย นอกจากความสวยงามแล้ว พระนางคือผู้หญิงที่เก่งกล้าสามารถ ที่เคียงคู่กับฟาโรห์อาเคนาเตน..
ในช่วง ศตวรรษที่ 14 ก่อนคริสตกาล ฟาโรห์ผู้ปกครองอาณาจักรไอยคุปต์ทรงพระนามว่า อาเคนาเตน (Akhenaten) ระยะเวลา 17 ปี ที่ครองราชย์นั้น พระองค์ได้ปฏิรูปศาสนา และศิลปกรรมของอียิปต์อย่างมากมาย ก่อความระส่ำระสายให้แก่นักบวชดั้งเดิม จนกลายเป็นความโกรธแค้นอาฆาต ซึ่งบุคคลที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังฟาโรห์และมีอิทธิพลต่อราชวงศ์ไอยคุปต์ ก็คือ พระมเหสีเอกของพระองค์ผู้มีพระนามว่า เนเฟอร์ติตี(Nefertiti)
ด้วยรูปโฉมของเนเฟอร์ติตี มีลักษณะเป็นสตรีเอวบาง แต่บั้นท้ายและสะโพกหนา ชุดที่พระนางสวมใส่ มักจะบางเบาโปร่งแสง ทำให้แลดูมีเสน่ห์ยั่วยวน จนได้รับสมญาว่า “พระพักตร์งาม ทรงความเบิกบาน เป็นผู้ให้ความสำราญหาใครเทียม” ความงามของเนเฟอร์ติตีนั้น เป็นที่เลื่องลือว่า “งดงามที่สุดในโลก” สมกับพระนามเนเฟอร์ติตีที่แปลว่า “ผู้งดงามหมดจด”
แม้ว่าชีวิตในวังจะเต็มไปด้วยความสุข แต่สิ่งหนึ่งที่นำมาซึ่งความวิบัติเสื่อมเสียให้แก่ฟาโรห์และพระนางในภายหลังก็ คือ ทั้งสองพระองค์ทรงนับถือบูชา ในเทพเจ้าอาเตน(Aten)ยิ่งนัก ซึ่งในแต่เดิมนั้น ประชาชนชาวอียิปต์ มีศาสนาที่นับถือพระเจ้าหลายองค์ (พหุเทวนิยม) โดยมีเหล่านักบวช เป็นผู้ดูแลทำพิธีในวิหารต่างๆ แต่ฟาโรห์อาเคนาเตน ได้นำเอาศาสนาพระเจ้าองค์เดียว (เอกเทวนิยม) คือ สุริยเทพอาเตนมาบังคับให้คนนับถือและได้ปฏิรูปศาสนาอย่างถอนรากถอนโคน...
หลังจากขึ้นครองราชย์ได้ไม่นานฟาโรห์ก็ทรงมีบัญชาให้สร้างเมืองหลวงขึ้นใหม่ กลางดินแดนอียิปต์ระหว่างเมืองธีบิสกับเมมฟิส สำหรับการสักการบูชาเทพอาเตน โดยเฉพาะชื่อของนครนี้ คือ อาเคตาเตน (Akhetaten) แปลว่า “ขอบฟ้าแห่งเทพอาเตน” ทรงย้ายสมาชิกในราชวงศ์ ตลอดจนขุนนาง และบริวารใกล้ชิดไปอยู่ที่เมืองหลวงใหม่นี้ ใจกลางนครมีมหาวิหารสถิตเทพอาเตนกับมีพระราชวังหลวง โดยมีอาคารพักอาศัยของข้าราชบริพารอยู่รอบนอกมีสุสานของพระราชวงศ์อยู่ที่หน้าผานอกเมือง....
ติดตามเรื่องราวตอนจบได้เร็วๆนี้.....



ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น